วันอังคารที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

การโฆษณาออนไลน์ที่คนไทยนิยม

สมัย 7-8 ปีก่อน ตัวที่มาแรงที่สุดเห็นจะเห็นการโฆษณาบนกูเกิล เพราะเวลาคิดถึงอะไร อย่างแรกที่จะพิมพ์ลงในคอมพิวเตอร์หรือมือถือ ก็คือค้นหาจาก Google นั่นเอง . . . เมื่อเวลาผ่านมาถึงปัจจุบัน Facebook และ YouTube ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทุกวันนี้ เราแทบจะเล่นเฟซบุ๊คทั้งวัน แล้วก็ดูละคร ดูรายการโชว์ประกวดร้องเพลง หรือทุกอย่างจาก YouTube กันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแบบ Facebook Live หรือ YouTube Live... นักการตลาดอย่างเรา ๆ จึงไม่ควรมองข้ามสื่อสังคมออนไลน์ 2 ตัวนี้ไปโดยเด็ดขาด ไม่งั้นอาจจะพลาดได้

ตัวผมเองก็มีประสบการณ์จากการโฆษณาบนกูเกิลเป็นตัวแรก โดยผ่าน Google Adwords ส่วนในปัจจุบันนี้ สื่อโฆษณาออนไลน์ที่เป็นที่นิยม ก็มีเพิ่มขึ้นมาอีกมากมาย และที่มาแรง และใช้ง่ายก็เห็นจะเห็น Facebook และ YouTube นั่นเอง เนื่องจากมีเครื่องมือที่ใช้ง่าย และมีประสิทธิภาพ และปัจจุบันนี้คนเล่นสื่อสังคมออนไลน์เหล่านี้เยอะมาก ทั้งบนคอมพิวเตอร์ และบนมือถือ หรืออุปกรณ์พกพาต่าง ๆ . . . เรียกได้ว่า ตั้งแต่ตื่นนอนขึ้นมา ก็เล่น Facebook, ไปทำงานก็เล่นต่อ, พักก็เล่น, กลับมาบ้านก็ยังเล่น, ขนาดตอนดูละครไป ก็ยังเล่นเลย . . . ดังนั้น ถ้าเราสามารถทำการตลาดบนเฟซบุ๊คได้ โอกาสที่เราจะได้ยอดขายเพิ่มก็มากขึ้นตามไปด้วย

นอกเหนือจากนี้แล้ว โซเชียลมีเดียสำหรับความบันเทิงบางตัว ที่วัยรุ่นนิยมมาก ๆ เลย และมีบางคนประยุกต์มาใช้ในการทำการตลาดออนไลน์ เห็นจะเป็นอินสตาแกรม ไลน์ ทวิตเตอร์ ที่มีคนทำเหมือนกัน แต่ต้องใช้ความสามารถพิเศษ และใช้ฝีมือพอสมควร ในการตกแต่งไทม์ไลน์ให้ดูน่าสนใจ และน่าติดตาม . . . อย่างใครเป็นดาราและมีผู้ติดตามเยอะ ๆ จะได้เปรียบและทำได้ง่าย เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีเครื่องมือหรือโปรแกรมจัดการที่มีรูปแบบ มีระบบ และสามารถตรวจสอบได้ให้ใช้กันอย่างง่าย ๆ แต่คิดว่าอีกไม่นานก็คงจะมีครับ . . . การตลาดออนไลน์นั้นเปลี่ยนเร็วมาก ดังนั้น เราก็ควรตามโลกให้ทันอยู่เสมอนะครับ

*ผมทำแฟนเพจบนเฟซบุ๊คไว้นะครับ ใครสนใจก็เข้าไปติดตามกันได้ครับ

วันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

3 ปัจจัยความล้มเหลวในการโฆษณา

ความล้มเหลวในการทำการตลาด


แม้จะมีทำเล หรือลงทุนด้านการตลาดไปอย่างมหาศาล แต่อาจประสบความล้มเหลวได้ ซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุ 3 ประการคือ

  1. ทำการตลาดผิดคน (หรือผิดกลุ่ม) คือไปขายของคนที่ไม่มีความต้องการ (คือมีตังค์ แต่ไม่อยากได้ของ) หรือคนที่ต้องการแต่ไม่มีกำลังซื้อ (คืออยากได้ของ แต่ไม่มีตังค์) ถ้าเป็นกรณีโฆษณาในเฟซบุ๊ค คือกำหนดกลุ่มเป้าหมายผิด อาจลงโฆษณาแบบหว่านข้าว โฆษณาให้ทุกคนเห็น ทั้ง ๆ ที่บางกลุ่มอาจไม่ต้องการแม้กระทั่งเปิดแฟนเพจเราดู
  2. ยึดสินค้าเป็นตัวตั้ง ไม่ได้ใช้ลูกค้าเป็นตัวตั้ง ไม่ได้มองเลยว่าลูกค้าต้องการอะไร คือเห็นลูกค้าผ่านมา เราก็จะขายทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีให้กับลูกค้า เป็นเหตุให้กระบวนการตลาดของเราล้มเหลวไม่เป็นท่า
  3. นำเสนอไม่ได้ ใช้การเข้าถึงผิดวิธี สื่อสารไม่ได้ หมายถึงการที่มีสินค้าดี ๆ อยู่ตรงหน้า แต่ไม่สามารถนำเสนอให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ อย่างในกรณีของการตลาดออนไลน์ในเฟซบุ๊ค ก็อาจจะหมายถึงหน้าแฟนเพจไม่น่าสนใจ คุณภาพไม่ดี หรือไม่น่าดึงดูด เป็นต้น

ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มทำการตลาด ซึ่งในที่นี้ผมจะเน้นถึงการทำการตลาดออนไลน์อย่างเดียวนะครับ (พูดง่าย ๆ ก็คือการโฆษณานั่นแหละครับ) เราก็ควรจะพัฒนาหน้าแฟนเพจ หรือเว็บเพจ หรือแลนดิ้งเพจของเราให้น่าสนใจ มีคุณภาพ และมีข้อมูลครบถ้วน ดึงดูดให้สามารถปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพเสียก่อน  . . . ซึ่งอาจใช้เวลาพอสมควร แต่เป็นการลงแรงเพียงครั้งแรกครั้งเดียวเท่านั้น ส่วนภายหลังอาจมีการเพิ่มเติมนิด ๆ หน่อย ๆ ให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน แต่ก็ไม่เป็นการเสียเวลามากเท่าไหร่  . . . แต่ผลที่จะได้นั้นคุ้มค่ามาก


การตลาดออนไลน์

วิธีทำการตลาดบนอินเทอร์เน็ตมีหลายวิธี ไม่ว่าจะทำบนเฟซบุ๊ค, กูเกิล, อินสตาแกรม, ไลน์, ยูทูบ หรือจะทำบนบล็อก หรือเว็บไซต์ส่วนตัว . . .



สำหรับขั้นตอนการทำการตลาดออนไลน์อย่างเป็นระบบนะครับ เริ่มต้นเราควรมีเว็บไซต์ก่อน เรียกว่าเว็บไซต์เปรียบเสมือนบ้านของเรา และเป็นบ้านของเราจริง ๆ ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะมาทำลายบ้านของเราได้ . . . อย่างบางคนมีเฟซบุ๊คแฟนเพจ ก็เรียกว่าเป็นบ้านได้เหมือนกัน แต่อาจจะไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ วันดีคืนดีเจอคนมาถล่มแฟนเพจ หรือรายงาน ก็สามารถทำให้เฟซบุ๊คแฟนเพจของเราล่ม ไม่สามารถลงโฆษณาอะไรได้เหมือนกัน . . . ดังนั้น ทางที่ดี เราก็ควรมีเว็บไซต์ (ที่เป็นของเราเอง) ก่อนนะครับ

ขั้นที่ 2 ก็คือ มีบล็อก เพื่ออัปเดตข้อมูลใหม่ ๆ เข้าไปอย่างต่อเนื่อง เป็นการสร้างคอนเทนต์ สำหรับการทำการตลาดออนไลน์แบบได้ Traffic ฟรี ๆ เมื่อมีคนค้นหาใน Google Search นะครับ . . . ยิ่งมีเนื้อหามาก โอกาสที่คนจะพบเราแบบฟรี ๆ (ไม่ต้องเสียเงินโฆษณา) ก็จะยิ่งมากขึ้นนะครับ . . . บางคนมุ่งกับการเขียนบล็อกอย่างเดียวอย่างเป็นล่ำเป็นสัน คือเขียนทุกอย่างที่ขวางหน้า ทุกวัน วันละหลาย ๆ บล็อก . . . จากนั้นเวลาคนค้นหาในกูเกิล ก็จะเจอบทความที่ได้ลงทุนลงแรงเขียนไปครับ . . . .
กดเพื่อชมและกดถูกใจ แฟนเพจ การตลาดออนไลน์ของผมนะครับ

ต่อไปก็คือ เฟซบุ๊คแฟนเพจ . . . ปัจจุบันคนเล่นเฟซบุ๊คในประเทศไทยมีประมาณ 50 ล้านบัญชี คือเรียกว่าใช้เวลาอยู่กับเฟซบุ๊ควันละหลายชั่วโมง ดังนั้นการที่เรามีแฟนเพจ ก็ช่วยสนับสนุนธุรกิจของเราได้อย่างมากเลยครับ . . . เฟซบุ๊คอนุญาตให้เราสร้างเพจได้หลายเพจนะครับ แต่ละเพจก็เชื่อมอยู่กับบัญชีเฟซบุ๊คของเรา และการลงโฆษณาในเฟซบุ๊ค ก็ถือว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมาก ๆ เลยครับ เพราะสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน และตรงกลุ่มมาก ๆ ทำให้เราไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณามากแบบเหวี่ยงแห . . . (แต่ต้องทำเป็นด้วยนะครับ ถ้าทำไม่เป็นก็เปลืองเงินอยู่ดี)

เครื่องมือทำการตลาดออนไลน์อีกอย่างที่กำลังมาก็คือ line@ ครับ . . . สมัยก่อนนี้ ถ้าเรามีเฟซบุ๊คแฟนเพจที่มีคนกด Like มาก ๆ เวลาเราลงอะไรไปในเพจของเรา ทุกคนในเพจก็จะเห็นหมด แต่ระยะหลัง เฟซบุ๊คมีอัลกอริธึมที่เปลี่ยนไป เนื่องจากทุกคนทำอย่างนี้กันเยอะมาก ทำให้คนเล่นเฟซบุ๊คธรรมดา ๆ ก็เห็นแต่โฆษณาเต็มฟีดของตัวเองไปหมด ดีไม่ดี ก็อาจจะทำให้เลิกเล่นเฟซบุ๊คกันไปเลย . . .  ทางเฟซบุ๊คจึงสร้างอัลกอริธึม โดยจะแสดงโพสต์ที่มีคุณภาพบ่อย ๆ ส่วนโพสต์ที่ไม่ค่อยมีคุณภาพ (หรือที่เฟซบุ๊ควิเคราะห์แล้วว่าไม่ค่อยมีคนอยากดู) ก็จะแสดงน้อย ๆ เพื่อที่จะทำให้คนที่อยากโฆษณา ต้องหันมาซื้อโฆษณาจากเฟซบุ๊คโดยตรง . . . ไลน์แอท จึงเกิดขึ้นมา เพื่อให้ทุกคนสามารถกระจายข่าวสารทีเดียว แล้วทุกคนที่เป็นสมาชิกในกลุ่มสามารถเห็นได้ทั้งหมด . . . แต่การลงโฆษณาก็ต้องดูจังหวะเวลาดี ๆ ด้วยนะครับ เพราะถ้าลงโฆษณาบ่อยไป บางคนที่เป็นสมาชิก เค้าก็จะเลิกติดตามได้นะครับ เพราะเค้าจะเริ่มรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม (เดี๋ยวผมจะทำบล็อกอธิบายวิธีการใช้ Line@ นะครับ)

เครื่องมือต่อไปที่ได้ผลมาก ๆ เลย ก็คือการทำคลิปลงยูทูบ เพื่อประชาสัมพันธ์สิ่งต่าง ๆ ที่สร้างไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ของเรา แฟนเพจของเรา หรือบล็อกของเรา หรือจะโฆษณาสินค้าโดยตรงเลยก็ได้ . .  ส่วนคลิปลงยูทูบนั้น ต้องมีเทคนิคและลีลานิดหน่อย ถ้าเกิดทำคลิปที่เป็นฮาร์ดเซลล์มากเกินไป ก็จะหาคนมาดูคลิปได้ยากนะครับ . . . ลักษณะคลิปที่ดี ภาพจะต้องชัด เนื้อหาต้องสนุก ดูแล้วอยากบอกต่อ . . . โดยเราอาจหวังผลในขั้นที่ 2 หรือขั้นที่ 3 ก็ได้นะครับ คือคนที่ดูคลิป ให้เค้าไปเข้าเว็บเรา หรือแฟนเพจเรา หรือติดตามไลน์แอทเรา จากนั้นเราจึงมีสินค้า หรือบริการที่เราอยากจะขายอยู่ในนั้น เป็นต้น