วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2563

Affiliate Marketing คืออะไร ทำไมจึงน่าทำ

การหารายได้ออนไลน์ หรือทำธุรกิจออนไลน์ สิ่งหนึ่งที่มีมานานมาก ๆ หลายสิบปี ก็คือ Affiliate Marketing ซึ่งเชื่อว่าคนที่กำลังเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์ หรือหารายได้เสริมจากช่องทางออนไลน์ คงเคยได้ยินคำว่า Affiliate Marketing บ่อยมาก ๆ พูดเป็นภาษาไทยก็คือ ธุรกิจแบบนี้ ไม่ต้องผลิตสินค้า ไม่ต้องเก็บเงิน มีหน้าที่โปรโมท หรือโฆษณาสิ่งที่มีอยู่แล้ว (ของคนอื่น) และเมื่อขายได้ ก็จะได้ค่าคอมมิชชั่น หรือนายหน้า ส่งตรงเข้าบัญชีของเราโดยตรง ไม่ต้องปวดหัวมากครับ


วิธีการของ Affiliate Marketing ก็คือเรามีหน้าที่นำลิงก์สินค้า เช่น ซอฟต์แวร์ คอร์สออนไลน์ หรือสินค้ามีตัวตนจริง ๆ จากลาซาด้า หรือบริการต่างๆ จากเว็บไซต์ มาใส่ในเว็บของเรา หรือเพจของเรา หรือใต้วิดีโอยูทูบ เพื่อส่งคนไปซื้อสินค้าบนเว็บไซต์นั้นๆ เมื่อขายได้ เราจะได้ค่าคอมมิชชั่นจากการขายสินค้าเป็นค่าตอบแทน โดยบางแห่ง ให้สูงถึง 40% กันทีเดียว เรียกว่าไม่ต้องเสียเวลาผลิตสินค้าเลยก็จะสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำได้

เวลาเราโฆษณา หรือโปรโมทสินค้าอะไรก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น ขายซอฟต์แวร์ Luminar 4 เราก็นำลิงค์ของเราไปใส่ในเว็บ หรือเพจของเรา เมื่อมีคนคลิกลิงก์ Affiliate ของเรา แล้วเขาไปซื้อโปรแกรม เราจะได้รับค่า Commission แต่ถ้าคนคลิกลิงก์ที่เข้ามายังเว็บไซต์แล้วแต่ยังไม่ซื้อ ระบบ Affiliate Marketing ส่วนใหญ่จะมีคุกกี้เก็บไว้ ซึ่งเว็บไซต์ทั่ว ๆ ไปให้โอกาสลูกค้าเข้าไปซื้อสินค้าอีกระยะเวลาหนึ่ง อาจจะเป็นหนึ่งเดือน หรือ 2 เดือน ซึ่งไม่ว่าลูกค้าจะซื้อสินค้าเมื่อไหร่ ค่าคอมมิชชั่นก็จะส่งตรงเข้ามายังบัญชีเราอยู่ดี แต่ถ้าลูกค้าเกิดตัดสินใจซื้อช้าเกินไป ค่าคอมก็ไม่เข้าเรานะครับ

ข้อดีของการทำ Affiliate Marketing คือเรามีโอกาสสร้างรายได้ โดยที่ไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องผลิตสินค้า ไม่ต้องสต๊อกสินค้า ไม่ต้องเก็บเงิน ไม่ต้องยุ่งยากเรื่องการจัดส่งสินค้า เราแค่นำลูกค้าที่กำลังสนใจในสินค้าตัวนั้นๆ อยู่แล้วไปซื้อสินค้าบนเว็บที่เราแนะนำ

ส่วนจุดด้อยของ Affiliate Marketing ก็มีเช่นกัน คือเราไม่สามารถกำหนดราคาได้ ไม่สามารถให้ส่วนลดได้ ไม่สามารถทำโปรโมชั่นได้ และอีกอย่างก็คือ มีคนอื่นที่ขายของเหมือน ๆ กับเราอยู่เต็มไปหมด . . .  คือมีคู่แข่งนั่นเอง

ก็ลองดูนะครับ นี่ก็เป็นหนึ่งในรูปแบบสำหรับการทำธุรกิจออนไลน์ในยุค 2020 ที่มาแนะนำกันในวันนี้ครับ

วันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เคล็ดลับการสร้างกลุ่มเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพสูง

เคล็ดลับการสร้างกลุ่มเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพสูง (ขายดี)

ก่อนที่จะกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ส่วนมากแล้วการทำโฆษณาทุกตัวให้ได้ผล เราจะทำสิ่งเหล่านี้ก่อน

1. จินตนาการ นั่งนึกในหัวเราก่อน ว่าใครน่าจะเป็นลูกค้าของเรา ผู้ชาย ผู้หญิง อยู่ที่ไหน อายุเท่าไหร่ ชอบทำอะไร
2. เจาะข้อมูล ดูว่าสิ่งที่เราคิด เหมือนกับสิ่งที่เฟซบุ๊คทำให้ไหม โดยใช้ Audience Insight
3. สร้างกลุ่มเป้าหมายตามที่คิด แล้วลองสร้างโฆษณาเปรียบเทียบดู

สมมติว่า เราจะขายโดรน (แบบแพง ตัวละ 4-5 หมื่น) เราก็ต้องพยายามนึกให้ออกว่าลูกค้าเรามีลักษณะยังไง เช่น เป็นผู้ชายเนอะ ผู้หญิงไม่เคยเห็นใครเล่นโดรนตัวใหญ่ ๆ เลย อายุก็ต้องพอสมควร เด็ก ๆ หรือวัยรุ่นคงไม่มีตังค์ซื้อ (อันนี้ไม่รวมลูกเศรษฐีนะครับ ซึ่งคิดเป็น % จะมีน้อยมาก ๆ) ยิ่งเราคิดละเอียด เวลาทำโฆษณาจะยิ่งได้ผล และแม่นยำ

หลังจากนั้นเราก็ใช้เครื่องมือ Audience Insight ของเฟซบุ๊ค หรือภาษาไทยเค้าใช้คำว่า ข้อมูลเชิงลึกกลุ่มเป้าหมาย เพื่อลองเล่นดู ว่าคีย์เวิร์ดของสิ่งที่เราคิดนั้น เหมือนกับสิ่งที่เฟซบุ๊คเตรียมไว้ให้หรือเปล่า อันนี้เดี๋ยวผมจะทำเป็นวิดีโออธิบายเลยนะครับ จะได้เห็นภาพและเข้าใจได้ง่าย ที่สำคัญคือ ต้องทำจากคอมพิวเตอร์ แล้วกดปุ่มสามเหลี่ยมเล็ก ๆ และเลือก "จัดการโฆษณา" แล้วเลือกประเทศที่ต้องการ จากนั้นดิ่งลงไปที่ "ความสนใจ" เลย ลองใส่ข้อมูลดู แล้ววิเคราะห์ข้อมูลจากตรงนั้นจากนั้นนำกลุ่มเป้าหมายที่ได้ มาสร้างโฆษณาเพื่อทำการเปรียบเทียบ จะได้เห็นภาพว่าจริง ๆ แล้วกลุ่มไหนขายดี ใช่ที่เราคิดไว้หรือเปล่า อันนี้เดี๋ยวรอชมจากวิดีโอนะครับ จะทะยอยออกมาเรื่อย ๆ ครับ

มาติดตามเพจผมกันนะครับ คลิกที่นี่ facebook fanpage

4 เคล็ดลับในการทำให้โฆษณาวิดีโอทำงานได้ดีขึ้นบนมือถือ

#เทคนิคเฟซบุ๊ค

4 เคล็ดลับในการทำให้วิดีโอของคุณทำงานได้ดีขึ้นบนมือถือ:

  1. เริ่มต้นต้องเร้าใจ : ดึงดูดความสนใจอย่างรวดเร็วโดยเริ่มต้นวิดีโอด้วยส่วนที่กระตุ้นความสนใจได้มากที่สุด
  2. ภาพต้องพอดีจอ : ทำให้วิดีโอเหมาะกับมือถือ เช่น วิดีโอแบบแนวตั้ง หรือแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส
  3. เข้าเรื่องให้เร็ว : ดึงดูดความสนใจให้วิดีโอในไม่กี่วินาทีโดยใส่ข้อความให้สินค้าหรือแบรนด์ตั้งแต่ช่วงแรกๆ
  4. ใส่ข้อความช่วย : ใช้คำบรรยายภาพเพื่อที่ผู้คนจะได้ทำความเข้าใจวิดีโอดีขึ้น บางทีคนดูอาจนั่ง BTS แล้วปิดเสียงอยู่
มาติดตามเพจผมกันนะครับ คลิกที่นี่ facebook fanpage

วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ปัจจุบัน WhatsApp หายไปไหน

สมัยก่อนที่จะมี Line อย่างที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เมื่อก่อนเค้าเล่น WhatsApp กันซะส่วนใหญ่นะครับ (ตอนนั้นไลน์ยังไม่เกิดด้วยซ้ำ) แต่อยู่ ๆ WhatsApp ก็หายไปเฉย ๆ เลย ปัจจุบันก็ไม่มี WhatsApp แล้ว หลายคนสงสัยว่าแอปที่โด่งดังนี้หายไปไหน . . .

จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ได้หายไปไหนหรอก ฝรั่งในประเทศอื่น ๆ เค้าก็ยังเล่นกันอยู่นะครับ . . . แต่ WhatsApp เจอเฟซบุ๊คเข้าซื้อกิจการทั้งบริษัทไปเลย แล้วก็โปรโมทเป็น Facebook Messenger อย่างที่เรา ๆ ท่าน ๆ ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ในเฟซบุ๊คนั่นแหละครับ

ตอนนั้น Facebook ทุ่มเงิน $19 พันล้านเหรียญสหรัฐ (หรือ 19000 ล้านเหรียญ) แปลงเป็นเงินไทยแล้วกันนะครับ (ราว ๆ 6 แสนล้านกว่าบาท) เพื่อซื้อกิจการ WhatsApp มาเป็นของตัวเอง (สงสัยซื้อมาแข่งกับไลน์) ตอนนั้นไม่รู้จะซื้อมาทำไมนะครับ แต่ตอนนี้ (ปี 2017) เค้าเริ่มเปิดเรา ๆ ท่าน ๆ มีการซื้อโฆษณาผ่าน Messenger กันแล้วนะครับ เพราะตอนนี้ไลน์ก็เริ่มจะมีโฆษณาแล้วนะครับ เค้ามี Line@ ที่เก็บเงินเป็นรายเดือน สำหรับให้ร้านค้าต่าง ๆ ทำการตลาดกันโดยเฉพาะ

สงสัยกิจการลักษณะนี้น่าจะทำรายได้ดี อาจติดลมบนแบบโฆษณาบนเฟซบุ๊คก็ได้ . . . ยังไงคอยติดตามกันนะครับ ตอนนี้ทางเฟซบุ๊ค ก็เริ่มมีการให้โฆษณาผ่าน Facebook Messenger กันแล้วนะครับ ลองดูกันว่าจะเป็นยังไง คนจะใช้บริการไหม ยังไม่มีใครตอบได้ เพราะยังใหม่มาก



ประเภทบัญชี Line@

ประเภทบัญชี Line@

ประเภทบัญชีไลน์@ ที่สมัครใหม่คือ Unapproved  คือไม่ได้รับการรับรองจากทาง Line ซึ่งจัดในอยู่บัญชีทั่วไป แต่ถ้าเราตั้งใจให้บัญชี Line@ ที่เราสร้างเป็นบัญชีร้านค้า ต้องการทำเรื่อง Approve รับรองร้านค้า ก็สามารถทำได้ โดยการเข้าที่ Manage Admin > Account Approval  > แล้วเลือกรูปแบบธุรกิจ แต่ถ้ากรณี “หมวดนี้ไม่สามารถตรวจสอบได้” แสดงว่าธุรกิจประเภทนั้น ๆ ยังไม่รองรับการ Approve เพื่อรับรองบัญชี


ประเภทบัญชี Line@ มี 2 ประเภทคือ


บัญชีทั่วไป (สัญลักษณ์โล่สีเทาอ่อน)

บัญชีที่บุคคลทั่วไปสร้างขึ้น สามารถใช้คุณสมบัติพื้นฐานที่ไลน์@ มี เช่น ส่งข้อความ Broadcast ส่งคูปอง และโปรโมชั่น, แชตแบบ 1 ต่อ 1 แต่ไม่สามารถทำการค้นหาแบรนด์ได้ ต้องใช้วิธีแชร์ชื่อ Line ID แบบเป๊ะๆ หรือใช้วิธี แชร์ QR โค้ดแล้วนำไปแปะตามเว็บไซต์ เครือข่ายสังคม เป็นต้น

บัญชีที่ผ่านการรับรอง (สัญลักษณ์โล่สีเทาเข้ม)

เป็นบัญชีที่รับรองจากทางไลน์แล้ว สามารถปรากฏในผลการค้นหาในไลน์ได้ เพียงแค่ใส่ชื่อแบรนด์ร้านค้าเท่านั้น  ในกรณีที่ใช้มือถือแอนดรอยด์  ให้ไปที่ Manage Admin > Account Approval  > แล้วเลือกรูปแบบธุรกิจ แล้วรอให้ทางไลน์ทำการรับรอง

ขั้นตอนการสมัคร Line@

ขั้นตอนการสมัคร Line@

ง่ายมาก ๆ ครับ

1) ใช้ Play Store ของเราค้นหาและดาวน์โหลดแอป Line@ (Lineat) บนมือถือ


2) เปิดแอป Line@ ขึ้นมา
3) เลือกที่ Start with Line หรือ Login With Line Account แล้วใส่อีเมลและรหัสผ่านบัญชี Line ของเรา (ยอมรับข้อตกลง 2 ฉบับ) จากนั้น จะเข้าสู่ account list
4) แตะที่เครื่องหมาย + เพื่อสร้างบัญชี Line@ (เป็นบัญชีใหม่อีกบัญชีนึง แยกกับไลน์ธรรมดา)
5) ตั้งชื่อแบรนด์ ชื่อร้าน ชื่ออะไรก็ได้ที่คุณต้องการ จากนั้นเลือกหมวดรายละเอียดให้สอดคล้องกับเป้าหมายการสร้างบัญชี Line@ ของคุณ
6) ใส่รูปเข้าไป ไม่งั้นจะไม่สามารถสร้างบัญชี Line@ ได้
7) กรอกข้อมูลต่าง ๆ ให้ครบ แตะที่ Register ไปเลย

พรีเมียม ID

ในกรณีที่ต้องการสมัครแบบเสียเงิน (พรีเมียม ID) เพื่อให้ชื่อจำง่าย ๆ เอาไปบอกลูกค้าได้ง่าย ๆ ไม่ได้เป็นชื่อสุ่ม ๆ มั่ว ๆ  เราต้องจ่ายเงินผ่านทาง Line Pay เป็นรายปี จึงสามารถเปลี่ยนชื่อได้ และเปลี่ยนชื่อเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนชื่อได้อีก ..

วิธีการทำได้โดย: 

1) เปิดแอป Line@ ขึ้นมา
2) เข้าไปที่ Business Store > Premium ID แล้วกด Purchase


ต้องจ่ายเงิน $24.99 ปีแรก (ปีที่ 2 เป็นต้นไป $12) ผ่านทาง Line Pay (หากยังไม่ได้สมัคร Line Pay ต้องสมัคร Line Pay เพื่อผูกกับบัตรเครดิตของเราก่อน) เป็นการจ่ายเงินรายปี ต้องจ่ายทุกปีนะครับสำหรับค่าชื่อ




วันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2560

สิ่งที่ Line@ (เดือนละไม่กี่บาท มีหลายราคา) กับ Line Official (ต้องจ่ายเป็นล้าน) ต่างกัน

สิ่งที่ Line@ (เดือนละไม่กี่บาท มีหลายราคา) กับ Line Official (ต้องจ่ายเป็นล้าน) ต่างกัน

  1. Line@ ไม่มีสติ๊กเกอร์ - Line Official มี (เพราะล่อให้คนมาติดตามเยอะ ๆ เหมือนกับแจกสติ๊กเกอร์แล้วต้องเพิ่มเป็นเพื่อน อะไรอย่างนี้)
  2. Line@ ส่งวิดีโอไม่ได้ - Line Official ส่งวิดีโอได้
  3. Line@ ไลฟ์ไม่ได้ - Line Official ไลฟ์ได้ (ถ่ายทอดสด)
  4. Line@ มีผู้ติดตามอั้นที่บัญชีละ 3แสนคน - Line Official มีผู้ติดตามได้ไม่อั้น 
Line Official ต้องมีทุนหนามาก อย่างเช่นค่ายมือถือใหญ่ ๆ เช่น ทรู ดีแทค อะไรทำนองนี้นะครับ พวกเราทั่ว ๆ ไปที่ทุนไม่หนา ก็ใช้ Line@ กันไปก่อนนะครับ